[มองให้ลึก – Expense by Nature]
เมื่อตอนที่แล้ว เรารู้แล้วว่าเวลาอ่านงบกำไรขาดทุนของบริษัทในตลาดฯ หน้างบต้องเป็นแบบ Expense by Function (ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร) และมีหมายเหตุเรื่อง Expense by Nature พ่วงต่อ
ซึ่งผมว่าหลายๆท่านก็พยายามจะดู Note Expense by Nature ว่าค่าใช้จ่ายในหน้างบการเงินที่ระบุว่าเป็น “ต้นทุนขาย” “ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย” และ“ค่าใช้จ่ายในการบริหาร” ของบริษัทนั้น ประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายในลักษณะใดบ้าง
สำหรับตอนนี้เลยจะขอทำความรู้จักกับ Note Expense by Nature กันสักหน่อยนะครับ ว่าจริงๆแล้วเราใช้ประโยชน์จากข้อมูลตรงนี้ได้เยอะเลยทีเดียวครับ
ขอทวนเนื้อหาของ Post ก่อนสั้นๆนะครับ… งบกำไรขาดทุนของบริษัทในตลาดฯ จะมีหน้างบแบบ Expense by Function (ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร) และมี Expense by Nature อยู่ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน (ไม่นับพวกงบกลุ่ม Bank ที่จะมีรูปแบบเฉพาะนะครับ)
ซึ่งประเภทของ Expense by Nature ที่หลักการบัญชีกำหนดให้เปิดเผยขั้นต่ำ คือ ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงาน ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย
เรามาลอง Survey กันเล็กๆครับว่า งบบริษัทใน SET 100 เปิดเผยรายละเอียด Expense by Nature กันมากน้อยขนาดไหน
เท่าที่ผมลอง Survey ดู พบว่าโดยเฉลี่ยจะเปิดเผยกันที่ประมาณ 8 รายการ ต่ำสุดที่ 2 รายการ สูงสุดอยู่ที่ 17 รายการ ซึ่งได้แก่ GFPT และ BTS ครับ เดี๋ยวเราจะลองมาดูรายละเอียดของ GFPT กันครับว่า Note Expense by Nature จะเล่าเรื่องราวอะไรให้เราในฐานะผู้อ่านงบการเงินได้บ้าง
มาดูภาพรวมกันก่อนครับ งบกำไรขาดทุนของ GFPT แสดงเป็นแบบ Expense by Function โดยมี ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย (ซึ่งก็คือ “ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย” นั่นเอง) และค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวมกันได้ประมาณ 15,467 ล้านบาท
ถ้าเราดูแค่นี้ จะมองไม่ออกเลยว่า ต้นทุนขาย ค่าในจ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารในเนื้อแล้วประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายในลักษณะใดบ้าง
ซึ่งหมายเหตุประกอบงบฯ (Expense by Nature) ก็ได้ให้ข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้วตามด้านขวามือเลยครับ โดย GFPT ให้ข้อมูล Expense by Nature ตั้ง 17 รายการ มากกว่าที่หลักการบัญชีกำหนดให้เปิดเผยขั้นต่ำแค่ 3 รายการ คือ ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงาน ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย
ถ้าเราไม่รู้จักกับบริษัท GFPT หรือ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) นี้เลยว่าทำธุรกิจอะไร ลองดูรายละเอียด Expense by Nature ตามรูปได้เลยครับ
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีบรรทัด “ค่าเสื่อมพันธุ์” “ขาดทุนจากการขายไก่ปู่ย่าพันธุ์ปลดระวาง” “ขาดทุนจากการขายไก่พ่อแม่พันธุ์ปลดระวาง” …พอเดาได้เลยใช่ไหมครับว่าน่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับไก่
ซึ่งก็ถูกต้องเลยครับ GFPT ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไก่สดชำแหละแช่แข็งและไก่แปรรูป ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่และธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์
ทีนี้ถ้าลองมองอีกมุมเพื่อหาคำตอบว่าบริษัทนี้จะ Sensitive ต่อค่าใช้จ่ายเรื่องไหนมากที่สุด จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบริษัทนี้ คือ วัตถุดิบ ซึ่งคิดเป็น 68% ของค่าใช้จ่ายรวมของบริษัท
ดังนั้นหากราคาวัตถุดิบต่างๆเปลี่ยนไป ก็น่าจะกระทบต่อผลกำไรของบริษัทมากกว่า Factor อื่นๆแน่ๆครับ อ่อเกือบลืมไป อีกตัวนึงที่รองลงมา คือ ค่าใช้จ่ายพนักงานครับ ประมาณ 15% ของค่าใช้จ่ายรวม…. อันนี้เราคาดเดาจากการอ่านข้อมูลจากงบการเงินนะครับ
เราลองมาดูกันว่าในมุมของ Business และการบริหารความเสี่ยง จะมองเห็นเหมือนกับที่เรามองหรือเปล่า
เป็นไปตามคาดครับ ข้อมูลเรื่องความเสี่ยงของบริษัทในแบบ 56-1 ระบุไว้ชัดเจนครับว่า ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ ถือเป็น Risk Factor ที่สำคัญของบริษัท (เลยต้องเอามาเขียนไว้ใน 56-1 ไงครับ) หากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ก็จะมีผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ถ้าอ่านอย่างละเอียดอีกนิด จะพบว่าวัตถุดิบดังกล่าว ได้แก่ ข้าวโพด กากถั่วเหลือง และปลาป่นนะครับ
ถามว่า Risk Factor ตัวนี้สำคัญไหม ถ้าดูจากข้อมูลอีกแหล่งนะครับ คือ Presentation ของบริษัทสำหรับ Analyst Meeting จะเห็นเลยครับว่า เรื่องนี้ขึ้นแท่นเป็นอันดับแรกครับ นอกจากนี้บริษัทยังให้ข้อมูลราคาข้าวโพด และกากถั่วเหลืองไว้เพิ่มเติมด้วยครับ (จำได้ไหมครับว่าเจ้าสองตัวนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญครับ)
และถ้าเราดู Risk Factor อีกตัวนึงจะเห็นว่าเป็นเรื่อง Minimum Wage Increase ซึ่งก็สอดคล้องกับที่เราดู Note Expense by Nature ใช่ไหมครับ ที่บริษัทนี้มีค่าใช้จ่ายพนักงาน ประมาณ 15% ของค่าใช้จ่ายรวม ซึ่งด้วย Nature ของพนักงานบริษัทนี้แล้ว หากมีการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำก็น่าจะกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทระดับนึงครับ
สิ่งที่จะต้องคำนึงเสมอคือ นอกจากการอ่านค่าใช้จ่ายตามหน้างบการเงินที่เป็นแบบ Expense by Function (ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร) แล้ว การอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินในส่วนของ Expense by Nature ก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
จากที่อ่านมา….เห็นไหมครับ….เห็นแค่รายละเอียดก็พอจะรู้เลยว่าบริษัทนี้ต้องทำเกี่ยวกับไก่แน่ๆ และยังรู้อีกว่า Risk Factor ที่สำคัญของบริษัทคืออะไร ซึ่งก็จะช่วยให้เราสามารถ Focus ประเด็นสำคัญในการอ่านข้อมูลที่มีมากมายของบริษัท เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างตรงประเด็นและชัดเจนมากขึ้นครับ