ในส่วนของ Business Model เพื่อการเป็น Node Validator ซึ่ง TPCS ได้ลงทุนมาตั้งแต่ปี 2564 มีนโยบายการบัญชี คือ
.
“กลุ่มบริษัทได้พิจารณาการถือสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโตเคอเรนซี่ Bitkub Coin (KUB) เพื่อเป็นช่องทางการซื้อขายสินค้าของกลุ่มบริษัทในอนาคต จึงบันทึกเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน โดยวัดมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มแรกด้วยราราคาทุนและวัดมูลค่าภายหลังด้วยวิธีตีราคาใหม่ซึ่งหมายถึงมูลค่ายุติธรรม ณ วันที่ตีราคาใหม่หักผลขาดทุนจากการด้อยค่าสะสมที่เกิดขึ้นในภายหลัง (ถ้ามี) โดยไม่มีการคิดค่าตัดจำหน่ายสะสมเนื่องจากมีอายุการใช้ประโยชน์ไม่ทราบแน่นอน
.
กลุ่มบริษัทรับรู้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เพิ่มขึ้นในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นและแสดงจำนวนที่เพิ่มขึ้นสะสมในส่วนของเจ้าของภายใต้รายการ “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดิจิทัล” อย่างไรก็ตาม หากสินทรัพย์นั้นได้ตีราคาใหม่และกลุ่มบริษัทได้รับรู้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ลดลงเป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อนแล้ว ส่วนที่เพิ่มจากการตีราคาใหม่จะรับรู้ในกำไรหรือขาดทุนเพื่อกลับรายการในจำนวนที่ไม่เกินมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ลดลงของสินทรัพย์รายการเดียวกันที่ได้รับรู้ในกำไรหรือขาดทุนในงวดก่อน และหากมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนลดลงเป็นผลจากการตีราคาใหม่ กลุ่มบริษัทรับรู้มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ลดลงดังกล่าวในกำไรหรือขาดทุน โดยรับรู้ส่วนที่ลดลงจากการตีราคาใหม่ในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นในจำนวนที่ไม่เกินยอดคงเหลือด้านเครดิตที่มีอยู่ในรายการ “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดิจิทัล” ของสินทรัพย์นั้น
.
กลุ่มบริษัทรับรู้รายได้ผลตอบแทนจากการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node validator) เป็นต้นทุนของสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น และด้านเครดิตรับรู้เป็นรายได้อื่นในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
.
มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดจากราคาเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนในตลาดที่กลุ่มบริษัทกำหนดไว้เป็นตลาดหลักสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการจัดลำดับชั้นในการวัดมูลค่ายุติธรรมในระดับที่ 1”
.
จะสังเกตเห็นได้ว่า TPCS ได้มอง KUB เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน โดยวัดมูลค่า KUB ด้วยวิธีตีราคาใหม่ (Revaluation Model) ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในทางหลักการ แม้ว่าจะเห็นค่อนข้างน้อยสำหรับบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ที่ส่วนใหญ่มักจะเลือกบันทึกด้วยวิธีราคาทุน
.
นอกจากนี้แล้ว เงื่อนไขสำคัญที่บริษัทจะสามารถเลือกใช้ Revaluation Model สำหรับสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (สินทรัพย์ดิจิทัล) ได้นั้น มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนดังกล่าวจะต้องอ้างอิงกับตลาดที่มีสภาพคล่อง ซึ่งในกรณีของ KUB ที่ TPCS ถืออยู่ ก็ได้อ้างอิงตลาดหลักสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง TPCS ได้พิจารณาแล้วว่าถือเป็นการวัดมูลค่ายุติธรรมในระดับที่ 1
.
หากดูการเปลี่ยนแปลงในยอดสินทรัพย์ไม่มีตัวตน – สินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับปี 2564 ทาง TPCS ได้อธิบายไว้ว่า “เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของกลุ่มบริษัทอนุมัติวงเงินซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโตเคอเรนซี่ Bitkub Coin (KUB) เพื่อเป็นช่องทางการซื้อขายสินค้าของกลุ่มบริษัทในอนาคต ในเดือนพฤษภาคม และเดือนธันวาคม 2564 จำนวน 145,201.3015 เหรียญ และ 70,111.9139 เหรียญ เป็นจำนวนเงิน 3.99 ล้านบาท และจำนวน 20.49 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการ Bitkub Chain ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีแรกของโครงการ (20 พฤษภาคม 2564 – 20 พฤษภาคม 2565) กลุ่มบริษัทได้รับสิทธิ์ในการเป็นกลุ่มผู้นำในการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node validator) โดยในระหว่างปี 2564 กลุ่มบริษัทได้รับผลตอบแทนจากการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Node validator) จำนวน 24,331.3343 เหรียญ เป็นจำนวนเงิน 3.99 ล้านบาท ซึ่งรับรู้เป็นต้นทุนของสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น และรับรู้เป็นรายได้อื่นในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
.
มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดจากราคาเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนในตลาดที่กลุ่มบริษัทกำหนดไว้เป็นตลาดหลักสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการจัดลำดับชั้นในการวัดมูลค่ายุติธรรมในระดับที่ 1”
.
สิ่งที่น่าสังเกตคือ นอกจากการเพิ่มขึ้นในมูลค่าของเหรียญ KUB ในปี 2564 อันเนื่องจากการลงทุนเพิ่ม และการได้รับจากผลตอบแทนจากการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมแล้ว ยังเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าใน KUB ในช่วงปี 2564 จึงทำให้ TPCS ได้รับรู้กำไรจากการวัดมูลค่าใหม่ดังกล่าวในบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็น OCI และรับรู้ในส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวนสูงถึง 89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาทุนที่มีเพียง 28 ล้านบาทเท่านั้น
.
หลังจากนั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 TPCS ได้เปิดเผยข้อมูลไว้ว่า “ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 และวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯมียอดคงเหลือของสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวน 277,827 เหรียญคับ และ 239,644 เหรียญคับ (KUB coin) ตามลำดับ
.
มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดจากราคาเสนอเพื่อการแลกเปลี่ยนในตลาดที่กลุ่มบริษัทกำหนดไว้เป็นตลาดหลักสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการจัดลำดับชั้นในการวัดมูลค่ายุติธรรมในระดับที่ 1”
.
หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในมูลค่า KUB จาก 118 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ลดลงเหลือเพียง 25 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2565 นั้น โดยหลักใหญ่ใจความก็มาจากราคา KUB ที่ปรับลดลงอย่างมากตั้งแต่ต้นปี 2565 จึงทำให้มูลค่าของ KUB นั้นลดลงจากผลกระทบดังกล่าวถึง 105 ล้านบาท (89 + 15 ล้าน) โดย 89 ล้านบาทนั้นจะรับรู้ใน OCI (ล้างกำไร OCI ที่เคยรับรู้ในงวดก่อน) และส่วนที่เหลืออีก 15 ล้านบาทนั้นจะรับรู้เป็นขาดทุนในงบกำไรขาดทุนในงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 นั่นเอง