อ่านข่าวให้เป็น : MBK ขาย ROH กำไรควรจะเป็นเท่าไหร่กันแน่

[อ่านข่าวให้เป็น : MBK ขาย ROH กำไรควรจะเป็นเท่าไหร่กันแน่]

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่หลายท่านอาจจะได้อ่านผ่านๆตากันไปบ้าง คือข่าว MBK ขายหุ้นทั้งหมดที่ถือใน ROH (บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)) คิดเป็น 29.86 % ให้กับ GRAND (บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 มูลค่าประมาณ 1,145 ล้านบาท

เมื่อมีข่าวการขายเงินลงทุนหรือสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ๆ สิ่งที่มักจะเป็นที่จับตามอง คือ บริษัทจะมีกำไรจากการขายเงินลงทุนเท่าไหร่ แน่นอนครับ วันรุ่งขึ้น (4 ก.ค.) Deal ดังกล่าวก็ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์

แต่สิ่งที่ทำให้ผมหรือหลายท่านงงงวยอย่างนึงก็คือ กำไรที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน Q3/2561 ของแต่สำนักข่าวดั๊นไม่เท่ากันซะนี่

ฉบับแรกที่ผมหยิบมาดูคือหนังสือพิมพ์ทันหุ้นรายงานกำไรที่ 330 ล้านบาท ในขณะที่หนังสือพิมพ์อีกฉบับอย่างข่าวหุ้นกลับรายงานกำไรที่ 240 ล้านบาทซะงั้น

เกิดอะไรขึ้น และตัวเลขจริงๆควรจะต้องคำนวณอย่างไร เรามาดูกันครับ

รายละเอียดของ Deal นี้คือ MBK-HR ที่เป็นบริษัทย่อยของ MBK (MBK ถือ 99.99%) ขายหุ้นทั้งหมดที่ถือใน ROH 29.86% ให้กับ GRAND โดยมีมูลค่าขายรวมสุทธิ 1,145 ล้านบาท โดย ROH เป็นบริษัทร่วมของ MBK-HR อีกทีนึงครับ

ขนาดกำไรของ MBK Group ปีที่แล้ว อยู่ที่ 1,841 ล้านบาท

ถ้าเราดูงบการเงินของ MBK Q1/2561 (งบล่าสุดเท่าที่มี) จะเห็นว่าในงบการเงินรวมของ MBK Group รายงานมูลค่าเงินลงทุนใน ROH ที่ 438.37 ล้านบาท (ดูช่องมูลค่าตามบัญชีตามวิธีส่วนได้เสีย หรือที่เรียกกันว่า Equity Method)

ส่วนเลข 731.90 ล้านบาทนั้น จะไม่เห็นในงบการเงินของ MBK นะครับ แต่จะอยู่ในงบการเงินเฉพาะกิจการ(ขอเรียกสั้นๆว่า งบเดี่ยว) ของ MBK-HR แทน เนื่องจากเงินลงทุนในงบเดี่ยวที่แสดงด้วยราคาทุน (@ Cost) นั้นจะแสดงในงบของผู้ลงทุนโดยตรงในลำดับติดกันเท่านั้น

ที่ร่ายยาวไปทั้งหมด สรุปได้ดังภาพครับ

ไล่จากด้านล่างนะครับ ในงบการเงินของ MBK-HR ควรจะมียอดเงินลงทุนใน ROH (Equity Method) ในงบรวม 438.37 ล้านบาท ส่วนงบเดี่ยวจะแสดงที่ 731.90 ตามรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบการเงิน

ในงบการเงินของ MBK ควรจะมียอดเงินลงทุนใน ROH ในงบรวม (Equity Method) ที่ 438.37 ล้านบาท เช่นเดียวกัน ส่วนงบเดี่ยวจะไม่มียอดเงินลงทุนใน ROH ตามที่ได้อธิบายไปครับ

หลักการในการคำนวณกำไรขาดทุนจากการขายคือ เทียบราคาขาย กับ มูลค่าเงินลงทุนตามงบการเงิน แบบ “งบ Level ใคร Level มัน”

อีกอย่างนึงที่จะต้องคำนึงเสมอคือกรณีนี้เราควรจะต้องมองที่งบ Level ของ MBK (บนสุด) ในส่วนของงบการเงินรวมนะครับ เพราะสิ่งที่เราวิเคราะห์กันคือ หุ้น MBK ที่ Trade ในตลาดนั้น จะมีกำไรจากการขาย ROH เท่าไหร่กันแน่ (ไม่ได้มองที่ MBK-HR) รวมถึงเลขกำไรหรือ EPS ที่นำไปใช้กันคือยอดตามงบการเงินรวมครับ

ลองมาดูกันครับว่าแหล่งข่าว 2 แหล่งเค้าคำนวณกำไรออกมากันได้ยังไง

สำหรับค่ายทันหุ้น ผมลองคิดย้อนกลับไปว่า ทำไมถึงได้เป็นเลข 330 ล้านบาท ก็พบว่า แหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์แห่งหนึ่งที่ นสพ.ระบุ ได้เอาต้นทุนเงินลงทุนในงบเดี่ยว Level MBK-HR มาคำนวณครับ คือ ราคาขาย – ต้นทุนเงินลงทุนในงบเดี่ยวของ MBK-HR … ซึ่งอย่างที่บอกครับ “กำไร 330 ล้านบาท” นั้นถือว่าถูกต้องในงบเดี่ยวของ MBK-HR …แต่…ก็ยังไม่ใช่ตัวเลขกำไรที่จะเกิดขึ้นในงบรวมของ MBK ที่เราๆท่านๆกำลังจ้องมองกันอยู่นะครับ

สำหรับค่ายข่าวหุ้น ที่ระบุว่ามีการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมว่าต้นทุนเงินลงทุนใน ROH ของ MBK อยู่ที่ 32.30 บาทต่อหุ้น … ผมลองคูณกับจำนวนหุ้นที่ได้ซื้อขายกันที่ 28 ล้านหุ้น ได้ต้นทุนเงินลงทุนที่ 904.34 ล้านบาท ซึ่ง ซึ่ง ซึ่ง … ไม่ตรงกับข้อมูลตามงบการเงินที่ระบุว่าราคาทุน 731.90 ล้านบาทเลยครับ (แป่ว 555)

ซึ่งข่าวหุ้นใช้ราคาขาย – ต้นทุนที่ 904.34 ล้านบาทในการคำนวณ จึงได้กำไรประมาณ 240 ล้านบาทครับ …. แต่จริงๆเหมือนจะลืมหักภาษีนะครับ (ขายของได้กำไร สรรพากรก็เก็บเงินอีก) ดังนั้นถ้าคิดต่ออีกนิ๊ด จะต้องเสียภาษีอีก 48.10 ล้านบาท เหลือกำไรจริงๆ 192.40 ล้านบาท … แต่ทั้งหมดทั้งมวล Case ข่าวหุ้นนี้ ใช้ต้นทุนที่ไม่ตรงกับงบการเงิน … และก็อีกแหละครับ เป็นการคำนวณกำไรบนงบเดี่ยวของ MBK-HR ไม่ใช่ที่งบรวม MBK ครับ

ในการคำนวณกำไรขาดทุนต่องบ MBK สิ่งที่เราจะต้องตั้งสติก่อนสตาร์ทคือ เรากำลังจะมองใครกันแน่ แน่นอนครับ เรากำลังมอง MBK ตัวบนสุด ดังนั้น เราจะต้อง Focus งบการเงิน “รวม” ที่ Level MBK นะครับ ไม่ใช่ที่งบเดี่ยว MBK-HR (ที่ นสพ. หลายฉบับ Focus กัน)

ดังนั้นจึงควรเทียบ คือ ราคาขาย กับ ต้นทุนเงินลงทุน ROH ที่อยู่ในงบ “รวม” ของ MBK ครับ

ตามรูปคือเทียบ 1,144.84 ล้านบาท (ราคาขาย) กับ 438.87 ล้านบาท (ต้นทุนเงินลงทุน ROH ที่อยู่ในงบรวมของ MBK) จะได้กำไร 706.47 ล้านบาท … แต่อันนี้เป็นกำไรก่อนภาษีนะครับ

[ถ้าแบบละเอียดจริงๆต้องคำนวณที่งบ MBK-HR ก่อน แต่สุดท้าย 438.87 ก็จะถูก Conso. มาอยู่ในงบ MBK อยู่ดี ดังนั้นเพื่อความง่ายจึงขอคำนวณลัดไปเลยครับ]

ทีนี้ก็จะมีประเด็นในการคำนวณภาษีกำไรจากการขายครับ

คือถ้าคิดเร็วๆ ผมว่าหลายคนเอากำไร 706.47 ล้านบาท (ตะกี้นี้) x 20% แน่ๆเลยครับ แต่…เราต้องไม่ลืมว่ากำไร 706.47 ล้านที่คำนวณได้ มาจากต้นทุนเงินลงทุน ROH ที่อยู่ในงบรวมของ MBK หรือ MBK-HR ที่คำนวณโดยใช้ Equity Method ซึ่ง สรรพาการไม่รู้จักครับ โดยปกติแล้วสรรพากรอยู่จักแต่เงินลงทุน @ Cost โดยสรรพากรจะเก็บภาษีเป็นราย Entity ดังนั้นกรณีการขายเงินลงทุน ROH สรรพากรจะไปเก็บภาษีที่ MBK-HR ครับ

ดังนั้นภาษีที่ MBK-HR จะต้องเสียให้สรรพากร จะเท่ากับ (ราคาขาย – เงินลงทุนใน ROH @ Cost ในงบเดี่ยว MBK-HR) x 20% = (1,144.84 – 731.90) x 20% = 412.94 x 20% = 82.59 ล้านบาท

[จริงๆงบการเงินปี 2560 MBK มีการตั้ง Deferred Tax ที่เกิดจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมด้วย แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดรายบริษัท จึงไม่ได้เอามาคิดผลกระทบในการคำนวณนี้นะครับ]

จากการคำนวณกำไรตามหลัก เทียบราคาขาย กับ มูลค่าเงินลงทุนตามงบการเงิน แบบ “งบ Level ใคร Level มัน” รวมทั้งภาษีเงินได้ที่คิดจากต้นทุนเงินลงทุน @ Cost จะได้กำไรจากการขายเงินลงทุน ROH ที่จะอยู่ในงบของ MBK = 623.88 ล้านบาทครับ

***ในความเป็นจริงจะต้องคำนวณต้นทุนเงินลงทุนทั้งหมด ณ วันขาย คือ 02/07/2561 นะครับ เพียงแต่ตัวเลขที่มีล่าสุดคือ 31/03/2561 ในช่วงที่งบ Q2 ยังไม่ออกบางท่านละเอียดหน่อยอาจจะ Forecast มูลค่าเงินลงทุนใน ROH ณ 30/06/2561 ก็ไม่ว่ากันครับ***

เห็นไหมครับ ถ้าเราเชื่อว่าแหล่งข่าวถูกแน่ๆ ตัวเลขกำไรจากการขาย Varied ได้ในช่วง 10 – 18 % ของกำไรปีล่าสุด แต่ถ้าเราละเอียดอีกนิด จะเห็นว่ากำไรจริงๆที่ควรจะเป็นบนงบ MBK จะสูงถึง 34 % ของกำไรปีล่าสุด (Assumption: มูลค่าเงินลงทุน @ 31/03/2561)

สิ่งที่สำคัญไปกว่าตัวเลขกำไร 624 ล้านบาทที่คำนวณได้ คือ อย่าเชื่อข่าวจนกว่าจะได้ลองเปิดงบ หยิบงบขึ้นมาคำนวณดูว่าตรงกับที่สิ่งเค้าให้ข่าวกันรึเปล่า ยิ่งเป็นการขายเงินลงทุนขนาดใหญ่ ที่ถือต่อกันหลายๆทอด มีหลาย Level มีทั้ง งบเดี่ยว งบรวมแบบนี้ ยิ่งจะต้อง Focus เป็นพิเศษเลยครับ